简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:แม้ดอลลาร์ยังครองตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลก แต่เสียงเรียกร้องให้ “ลดบทบาทดอลลาร์” เริ่มดังขึ้นทั่วโลก หยวนจีน ยูโร และคริปโต ถูกจับตามองในฐานะคู่แข่งใหม่ แต่ปัญหาด้านความเชื่อมั่นยังเป็นอุปสรรคใหญ่ ดอลลาร์อาจยังไม่ร่วงเร็ว ๆ นี้...แต่โลกการเงินกำลังเปลี่ยนไปทีละก้าว
ใครจะขึ้นมาแทนสกุลเงินหลักของโลกได้บ้าง ในยุคที่โลกกำลังเขยิบเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านหลายด้าน ทั้งเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ คำถามหนึ่งที่เริ่มถูกพูดถึงบ่อยขึ้นคือ:“เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังครองตำแหน่งแชมป์ สกุลเงินหลักของโลก ได้อีกนานแค่ไหน?” หลายคนมองไปที่ หยวนจีน ที่ดูมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดโลก บางคนก็ชี้ไปที่ คริปโตเคอร์เรนซี อย่าง Bitcoin ที่อาจเป็นตัวแทนของโลกการเงินยุคใหม่ แล้วแบบนี้ โลกเราจะเดินจากดอลลาร์ไปจริงหรือ? วันนี้แอดเหยี่ยวขอชวนมาบินวนรอบโลกการเงิน พร้อมส่องดู “คู่แข่ง” ของดอลลาร์ และดูว่ามีใครพอจะท้าชิงแชมป์ได้บ้างไหม
จุดเริ่มต้นของราชาเงินตรา
ก่อนจะครองโลก ดอลลาร์เคยเป็นแค่พระรองมาก่อนนะครับ เพราะในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สกุลเงินที่ครองแชมป์จริง ๆ คือ ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ ซึ่งสอดคล้องกับการที่อังกฤษเป็นอาณาจักรที่ “พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน”
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเศรษฐกิจโลกต้องการระบบใหม่ที่มั่นคงและยุติธรรมขึ้น
Bretton Woods: ดีลเปลี่ยนโลก
ในปี 1944 ตัวแทนจาก 44 ประเทศ มารวมตัวกันที่เมือง Bretton Woods ในสหรัฐฯ เพื่อวางรากฐานระบบการเงินโลกหลังสงคราม โดยข้อสรุปสำคัญก็คือ:
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งองค์กรสำคัญอย่าง IMF และ World Bank เพื่อช่วยคุมเสถียรภาพทางการเงินโลกอีกด้วย
ดอลลาร์ก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ยังไง?
ดอลลาร์ไม่ได้ขึ้นเป็นใหญ่เพราะโชคช่วย แต่เพราะมัน “ตอบโจทย์” ประเทศต่าง ๆ ได้ดีที่สุด โดยเฉพาะ 4 เหตุผลหลัก ๆ ที่ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้:
ตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เล่นเยอะ ความเสี่ยงต่ำ นักลงทุนถือแล้วรู้สึกปลอดภัย
อเมริกามีตลาดทุนเสรี มีข้อมูลให้เข้าถึงได้สม่ำเสมอ ไม่เหมือนบางประเทศที่มีความโปร่งใสน้อย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ดำเนินนโยบายโดยไม่ถูกการเมืองแทรกมากนัก ทำให้สร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
จากน้ำมันยันไมโครชิป ส่วนใหญ่ยังซื้อขายกันด้วยดอลลาร์ ทำให้ความต้องการใช้สูงเสมอ
ดอลลาร์ก็เคยสะดุด
ถึงจะยิ่งใหญ่ แต่ดอลลาร์ก็มี “จังหวะพลาด” อยู่หลายครั้ง เช่นในช่วงสงครามเวียดนามที่สหรัฐฯ ใช้จ่ายเกินตัว พิมพ์เงินจำนวนมากออกมาโดยไม่มีทองคำหนุน ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มไม่เชื่อมั่น และขอกลับไปถือ “ทองคำ” แทน
จนกระทั่งในปี 1971 ประธานาธิบดี Richard Nixon ตัดสินใจ “ปลดดอลลาร์จากทองคำ” อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่นั้นมา โลกก็เข้าสู่ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้
คู่แข่งของดอลลาร์ในศตวรรษนี้
ตอนนี้หลายประเทศเริ่มอยากลดบทบาทของดอลลาร์ในเศรษฐกิจตัวเอง เพื่อกระจายความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เราเลยเห็นชื่อของ “ผู้ท้าชิง” โผล่ขึ้นมามากขึ้น ได้แก่:
1. หยวนจีน (CNY)
ข้อเสีย:
2. ยูโร (EUR)
ข้อเสีย:
3. คริปโตเคอร์เรนซี
ข้อเสีย:
แล้วดอลลาร์จะร่วงจากบัลลังก์ไหม?
ณ ตอนนี้ ดอลลาร์ยัง “แข็งแกร่งโดยโครงสร้าง”
แม้จะมีเสียงเรียกร้องเรื่อง “De-dollarization” จากหลายประเทศ แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีสกุลไหนที่พร้อมมาทดแทนในภาพรวม
สรุป
ดอลลาร์ยังไม่เสียบัลลังก์ตอนนี้แน่นอน แต่โลกกำลังเปลี่ยน และเงินตราก็สะท้อนพลวัตของอำนาจ
ถ้าสหรัฐฯ เผชิญปัญหาการคลังรุนแรงขึ้น การเมืองภายในวุ่นวาย หรือหนี้สาธารณะสูงจนเกินรับไหว ก็อาจเปิดทางให้ “ผู้เล่นใหม่” มีโอกาสแทรกเข้ามาได้มากขึ้น
แปลว่า… ถึงจะยังครองแชมป์ แต่แวดวงการเงินโลก ก็กำลังซุ่มรอดู “การเปลี่ยนแปลง” อยู่เงียบ ๆ เช่นกัน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
TriumphFX อ้างเป็นโบรกเกอร์มืออาชีพในตลาด Forex แต่กลับหลอกลวงนักลงทุนจนสูญเงินกว่า 180 ล้านบาท ทั้งที่เคยถูกเตือนจากหลายประเทศมาแล้ว ปัจจุบันกำลังถูกสอบสวนหลายคดี พร้อมโทษหนักถึงขั้นจำคุก-เฆี่ยนตี เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า “อย่าหลงเชื่อผลตอบแทนสูงเกินจริง” โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มที่ไร้การกำกับ
รวมความเห็นจากผู้ใช้งานโบรกเกอร์ PrimeXBT
รีวิวโบรกเกอร์
Mark D. Cook คือหนึ่งในตำนานนักเทรดที่เปลี่ยนชีวิตจากหนี้สินกว่า 800,000 ดอลลาร์ สู่การสร้างผลตอบแทนระดับโลก เขาโดดเด่นด้วยการคิดค้นระบบเทรดของตัวเองอย่าง Cumulative Tick และคว้าแชมป์การแข่งขันเทรดด้วยกำไร 563% เรื่องราวของเขาคือบทพิสูจน์ว่า วินัย ความพยายาม และการไม่ยอมแพ้ คือหัวใจของความสำเร็จในการลงทุน.
Pepperstone
FBS
Saxo
STARTRADER
FXTM
FXCM
Pepperstone
FBS
Saxo
STARTRADER
FXTM
FXCM
Pepperstone
FBS
Saxo
STARTRADER
FXTM
FXCM
Pepperstone
FBS
Saxo
STARTRADER
FXTM
FXCM