简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ความคิดเห็นจากชาวเน็ตที่มีต่อคำถาม "การเทรดตามโค้ช หรือการเทรดด้วยตัวเอง"
ไม่กี่วันก่อนแอดเหยี่ยวได้ไปเห็นกระทู้จากนักเทรดท่านหนึ่งที่ได้กระทู้ถามไว้เกี่ยวกับ “การเทรดตามโค้ช หรือการเทรดด้วยตัวเอง” ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังเข้ามาในวงการเทรด หรือกับคนที่เทรดไม่เก่งแต่กำลังศึกษาเก็บประสบการณ์อยู่ ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าพี่ๆเพื่อนๆชาวเน็ตจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับคำถามนี้ ตามมาเลยครับ
คำถามมีอยู่ว่า “เทรด Forex ตามโค้ช หรือเทรดเองดีกว่าครับ ผมเห็นเขารีวิวเทรดตามโค้ชได้เงินกันรัวๆ แต่เข้ากลุ่มต้องเสียค่าเข้าด้วยครับ และไม่แน่ใจว่ามันจะคุ้มไหมครับ อยากให้พี่ๆ ที่มีประสบการณ์แนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ”
มาดูความเห็นจากพี่ๆเพื่อนๆชาวเน็ตท่านอื่นๆกันเลย
ชาวเน็ตท่างที่ 1 “โอ้โห เก็บค่าเข้าซะด้วย 555 ของแบบนี้มันต้องลองเอง เตรียมเงินไว้ก้อนนึง เทรดตามเค้าซักปีนึง ดูว่าเงินก้อนนั้นจะหายเกลี้ยงหรืองอกเงย”
ชาวเน็ตท่างที่ 2 “หาที่สอนพื้นฐานฟรีตาม YT แล้วลองเทรดเองดีกว่าครับ แล้วค่อยๆปรับเอา พวกสอนถ้าเทรดตามแล้วได้จริงเค้าจะมานั่งสอนให้เสียเวลาทำไม ถ้าเป็นคุณ คุณจะมานั่งสอนคนอื่นหรือป่าว หรือเอาเวลาไปเที่ยวหาที่สวยๆนั่งเทรดคนเดียว ไม่ดีกว่าหรือ”
ชาวเน็ตท่างที่ 3 “กับโค้ช มันมีความเสี่ยงตั้งแต่หลอกลวง แบบเป็นมิจฉาชีพไปเลยแบบไม่เก่งจริง มั่วคนตาม เจ๊ง แถมถูกจิตวิทยาดึงไว้ ยอมเสียเรื่อยๆเคยเห็นมาบ่นกัน โดนต้อนจนยอมให้เขาเทรดให้บ้างก็เทรดให้เจ๊ง บ้างเหมือนมีนัยยะแอบแฝงแพง คือแพงเกินฝีมือคนมันร้อยพ่อพันแม่เทรดเอง ไม่เสี่ยงเลยคือแทบจะเทรดเสีย 100%เรียนรู้และขัดเกลา นานนนนนนเสียจนอายตัวเอง โง่ดักดานจนถึงกับ อาจไม่เจอหนทางที่ถูกเลยความเสี่ยงมันพอกันแหละครับ แต่ผมเลือกเทรดเองผมเคยเข้าไปดูตัวอย่างโค้ชอยู่เหมือนกันประมาณว่าโพสก์หลังเกมส์ตามความรู้ตามเวลา ก็ทึ่งเขาแต่พอดีผมมีข้อจำกัดเรื่องเวลาท้ายสุด ผมคงเทรดตามซิกแนว ไม่ได้มีข้อเดียว ต้องหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง อันนี้ จขกท พูดถึง follow trade นะ ไม่เกี่ยวกับคอร์สใดๆ”
คำถามที่ถามว่า “การเทรดตามโค้ช หรือการเทรดด้วยตัวเอง แบบไหนดีกว่ากัน?” จริงๆ แล้วมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปครับ แต่แอดอยากเตือนว่า การเทรดตามโค้ชอาจเสี่ยงเจอกับกลโกงจากมิจฉาชีพได้ เพราะมีหลายเคสที่โค้ชหลอกให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือจงใจใช้ช่องทางนี้เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเทรดเองหรือเทรดตามโค้ช ถ้าใช้บริการจากโบรกเกอร์เถื่อน ก็อาจเจอปัญหาใหญ่คือ ถอนไม่ได้ เงินที่ลงทุนไปอาจสูญหาย หรือโดนล็อคบัญชีได้แอดแนะนำให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ก่อนลงทุนครับ สามารถใช้แอปพลิเคชัน WikiFX ในการค้นหาและตรวจสอบข้อมูลของโบรกเกอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงนะครับ
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย