简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Shark Pattern หรือรูปแบบฉลาม เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่คล้ายกับฉลามในท้องทะเล แต่ปรากฏในลักษณะของกราฟ โดยเป็นหนึ่งในรูปแบบจากทฤษฎี Harmonic ที่มีการดีดตัวของราคาที่หัวเลยจุดสูงสุด และหางอาจยาวเกินฐานหรือไม่ก็ได้ ยังคงแนวคิด “เสี่ยงต่ำ ทำกำไรสูง” ตามหลักการของทฤษฎีฮาร์โมนิค
วันนี้แอดเหยี่ยวขอนำเสนอกลยุทธ์การเทรดที่เรียกว่า “Shark Pattern” ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งจากทฤษฎี Harmonic Pattern โดยแพทเทิร์นนี้มีลักษณะเด่นคือ การดีดกลับของราคาแบบที่หัวเลยจุดสูงสุดและหางอาจยาวเลยจุดเริ่มต้นหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้มีการกำหนดสัดส่วน Fibonacci ตามหลักทฤษฎีที่ชัดเจน สิ่งที่ทำให้ Shark Pattern พิเศษกว่าแพทเทิร์นอื่น ๆ คือสามารถต่อยอดไปสู่รูปแบบ 5-0 ได้ ซึ่งหมายถึงการทำกำไรได้ถึงสองต่อ Shark Pattern จึงเปรียบเสมือนฉลามร้ายในตลาด Forex ที่สามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีความซับซ้อนในวิธีการเทรด แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการเรียนรู้และนำไปใช้งานแน่นอน ตามแอดเหยี่ยวมาเลย!
Shark Pattern คืออะไร?
Shark Pattern หรือรูปแบบฉลาม เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่คล้ายกับฉลามในท้องทะเล แต่ปรากฏในลักษณะของกราฟ โดยเป็นหนึ่งในรูปแบบจากทฤษฎี Harmonic ที่มีการดีดตัวของราคาที่หัวเลยจุดสูงสุด และหางอาจยาวเกินฐานหรือไม่ก็ได้ ยังคงแนวคิด “เสี่ยงต่ำ ทำกำไรสูง” ตามหลักการของทฤษฎีฮาร์โมนิค
จุดเด่นของรูปแบบฉลามคือ สามารถทำกำไรต่อเนื่องได้จากแพทเทิร์นเดิม โดยสามารถต่อยอดไปสู่รูปแบบ 5-0 ซึ่งเปิดโอกาสในการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ด้วยสัดส่วนที่แตกต่างกัน
รูปแบบ Harmonic ถูกกำหนดด้วยสัดส่วน Fibonacci เพื่อให้การทำซ้ำของรูปแบบเป็นไปในลักษณะเดียวกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจุดเข้า จุดทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน ซึ่งทุกรอบการเทรดจะมีรูปแบบและสัดส่วนที่ชัดเจนตามทฤษฎี โดยไม่ต้องอาศัยการคาดเดาใด ๆ
ทำไมต้องเทรดด้วย Shark Pattern ?
แม้ว่า Shark Pattern จะมีความแม่นยำตามทฤษฎีอยู่ที่ประมาณ 65% ซึ่งถือว่าต่ำกว่ารูปแบบอื่น ๆ ในทฤษฎี Harmonic แต่ก็ยังดีกว่าการเทรดโดยไม่มีหลักเกณฑ์หรือสถิติรองรับ ทั้งนี้ ทฤษฎี Harmonic และแพทเทิร์นฉลามยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันถึงความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ การใช้ Shark Pattern ยังสามารถต่อยอดไปสู่การเทรดด้วยแพทเทิร์น 5-0 ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากทั้งสองรูปแบบ ทำให้การเทรดมีความสมบูรณ์และยืดหยุ่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในตลาดจริง อาจพบว่าสัดส่วนไม่ตรงตามทฤษฎีทุกครั้ง ดังนั้นการฝึกฝนและสร้างความชำนาญจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะนำไปใช้ในตลาดจริง
การสร้างรูปแบบ Bullish Shark
การสร้างรูปแบบของBullish Shark จะแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นด้วย O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C นั่นเอง
โครงสร้างแพทเทิร์น XA จะพักตัว 1 ใน 3 ของ OX และ AB จะอยู่ที่ 113-161.8% ของ XA จะมีจุกกลับตัวหรือ PRZ อยู่ที่ 161.8-223.6% ของ AB และ 88.6-113% ของ 0X คือจุด C
Trade Setup ด้วย Bullish Shark
ขอบคุณรูปจาก Forexthai.in.th
การสร้างรูปแบบ Bearish Shark
รูปแบบของ Bearish Shark จะคล้ายกับตลาดกระทิง แต่อยู่ในคนละทิศทาง ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเริ่มต้นที่จุด X แล้วไป ABCD แต่รูปแบบ Shark จะเริ่มต้นด้วย O ก่อนที่จะไป XABC และจุด PRZ ก็คือจุด C เช่นกัน
สาเหตุที่เริ่มจาก O แล้วจบด้วย C เพราะจะมีรูปแบบต่อเนื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นก็คือ 5-0 ที่จะมีจุดเข้าหรือ PRZ จบที่จุด D เหมือนกับทุก ๆ แพทเทิร์นนั่นเอง
โครงสร้างแพทเทิร์น XA จะพักตัว 1 ใน 3 ของ OX และ AB จะอยู่ที่ 113-161.8% ของ XA จะมีจุกกลับตัวหรือ PRZ อยู่ที่ไหน 161.8-223.6% ของ AB และ 88.6-113% ของ 0X คือจุด C
Trade Setup ด้วย Bearish Shark
ขอบคุณรูปจาก Forexthai.in.th
ประโยชน์
ข้อควรระวัง
สรุป
Shark Pattern เป็นเครื่องมือทำเงินที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex โดยอิงจากทฤษฎี Harmonic แม้ว่าจะมีผู้เริ่มต้นหลายคนที่ยังคงศึกษาและพยายามทำความเข้าใจอยู่ การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านกราฟ การใช้เครื่องมือ Fibonacci หรือการจดจำสัดส่วนต่าง ๆ จะทำให้สามารถใช้ Shark Pattern เพื่อทำกำไรได้ในที่สุด
แม้จะต้องใช้เวลาและความอดทน แต่การฝึกฝนจนกลายเป็นทักษะนั้นจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว การสร้างความเชี่ยวชาญนั้นต้องใช้เวลา เช่นเดียวกับที่กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในเจ็ดวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก Forexthai.in.th
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
Trive
XM
IC Markets Global
GTCFX
FXCM
Pepperstone
Trive
XM
IC Markets Global
GTCFX
FXCM
Pepperstone
Trive
XM
IC Markets Global
GTCFX
FXCM
Pepperstone
Trive
XM
IC Markets Global
GTCFX
FXCM
Pepperstone