简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: 5 ปัจจัยที่ต้องจับตา
ความหวาดกลัวต่อเศรษฐกิจยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงเกินไปนานเกินไป จนส่งผลกระทบต่อการเติบโต รายงานผลประกอบการกำลังมาอีกชุด และราคาน้ำมันยังคงผันผวนท่ามกลางความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
.
นี่คือ 5 สิ่งที่ควรจับตาสัปดาห์นี้
1.ข้อมูลสหรัฐฯ และการแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด
หลังจากรายงาน ข้อมูลจ้างงาน เดือนกรกฎาคมที่อ่อนแอในวันศุกร์ ทำให้เกิดความกลัวต่อแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปฏิทินเศรษฐกิจสำหรับสัปดาห์หน้าจึงเบาบางลงอย่างมาก สถาบันการจัดการอุปทานจะเผยแพร่ดัชนี ภาคบริการ ในวันจันทร์ ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตเล็กน้อย
นักลงทุนจะได้รับข้อมูลอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับสถานะของตลาดแรงงานในวันพฤหัสบดี โดยมีรายงานประจำสัปดาห์ของ ข้อมูลขอรับสวัสการว่างงานเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี
นักลงทุนจะได้มีโอกาสฟังคำชี้แจงจากประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก แมรี เดลีย์ และประธานเฟดสาขาริชมอนด์ โทมัส บาร์กิน หลังจากที่ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เปิดโอกาสให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
.
2.รายงานผลประกอบการเพิ่มเติม
แม้ว่าบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดส่วนใหญ่จะรายงานผลประกอบการบางส่วนไปแล้ว แต่ยังมีบริษัทที่กำลังรอประกาศผลประกอบการเพิ่มเติม
ผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่าง Caterpillar (NYSE:CAT) และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อและความบันเทิงอย่าง Walt Disney (NYSE:DIS) จะให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะการผลิตและผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสาธารณสุข อย่าง Eli Lilly (NYSE:LLY) ผู้ผลิตยาลดน้ำหนัก และ Super Micro Computer (NASDAQ:SMCI) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกระแสความสนใจด้านปัญญาประดิษฐ์ของตลาด
หุ้นสหรัฐฯ ถูกเทขายเป็นวันที่สองในวันศุกร์ ทำให้ดัชนี Nasdaq Composite เข้าสู่เขตการปรับฐาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ทำให้เกิดความกลัวว่าเฟดจะรอช้าเกินไปในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สิ่งที่เพิ่มแรงกดดันให้หุ้นลดลงคือการที่หุ้น Amazon (NASDAQ:AMZN) และ Intel (NASDAQ:INTC) ลดลง หลังจากที่มีผลประกอบการรายไตรมาสและการคาดการณ์ที่น่าผิดหวัง
.
3.แนวโน้มของจีน
นักลงทุนจะได้รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งหลังของปีด้วยข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้เริ่มต้นด้วยการสำรวจภาคเอกชนของ กิจกรรมภาคบริการ ตามด้วย ข้อมูลการค้า ในวันพุธ และ ราคาผู้บริโภค ในท้ายสัปดาห์
ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ไม่สู้ดีของจีน และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่คาดคิดเมื่อเร็ว ๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนที่เพิ่มมากขึ้นในความพยายามของปักกิ่งในการเสริมสร้างการเติบโต
เจ้าหน้าที่จะจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อในวันศุกร์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพื่อหาเบาะแสว่าจำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกมากเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา
.
4.การตัดสินใจด้านอัตาดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย
คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมนโยบายที่จะเกิดขึ้นในวันอังคารนี้ หลังจากข้อมูลเมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัวลงอย่างไม่คาดคิดสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในไตรมาสที่ 2 และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ลดลงในไตรมาสแรก
นักลงทุนจะให้ความสนใจกับแนวทางในอนาคตของธนาคารกลาง โดยตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 70% ที่อัตราดอกเบี้ยจะผ่อนคลายลงภายในสิ้นปีนี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลง
.
5.ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบลดลงในวันศุกร์ โดยอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ และจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ ทำให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์
รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ ประกอบกับกิจกรรมการผลิตที่อ่อนแอในจีน ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคน้ำมัน
นักลงทุนน้ำมันยังจับตาดูตะวันออกกลาง ซึ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านของเลบานอน กล่าวว่าความขัดแย้งกับอิสราเอลได้เข้าสู่ช่วงใหม่แล้ว
ขณะเดียวกัน การประชุมกลุ่ม OPEC+ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงแผนการเริ่มยกเลิกการลดการผลิตน้ำมันบางส่วนตั้งแต่เดือนตุลาคม
ขอบคุณสำนักข่าวรอยเตอร์
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
Markets.com
EC Markets
KVB
Pepperstone
XM
Trive
Markets.com
EC Markets
KVB
Pepperstone
XM
Trive
Markets.com
EC Markets
KVB
Pepperstone
XM
Trive
Markets.com
EC Markets
KVB
Pepperstone
XM
Trive