简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคเช้า - 30 พฤศจิกายน 2565
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังจากเงินหยวนในประเทศ (Onshore) พุ่งขึ้นประมาณ 0.6% สู่ระดับ 7.1663 ดอลลาร์ ขานรับความหวังว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากวานนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงว่า จีนจะส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกัน COVID-19 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเปิดประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคําพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,758.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี ราคาทองคําลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมาจากแรงขายกําไร ประกอบกับดัชนีดอลลาร์ดีดกลับมาปิดตลาดในแดนบวก ทั้งนี้ ดอลลาร์ กลับมาได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสเปนและเยอรมนีที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สถานการณ์ ดังกล่าวกดดันให้ทองคําลดช่วงบวกลงปิดตลาดบริเวณ 1,747.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย คาดกนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 1.25% พร้อมติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการ อาทิ การจ้างงานภาคเอกชน จาก ADP, ประมาณการครั้งที่ 2 GDP ไตรมาส 3/2022, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย อีกทั้งต้องจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวปาฐกถาว่าเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน ที่สถาบันบกกิงส์
หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,759-1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูก จำกัด สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,738-1,729 ดอลลาร์ต่อออนซ์(1,738 ระดับต่ำสุด ของสัปดาห์นี้) หากยืนไม่ได้แนวรับสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวต้าน สำคัญนั้นยังประเมินในโซน 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากยืนได้มุมมองเชิงลบจะลดลง
คำแนะนํา เปิดสถานะขาย $1,756-1,765
จุดทำกําไร ซื้อคืนเพื่อทำากําไร $1,729-1,711
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,765
ที่มา : Th.Investing
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
FBS
EC Markets
FXCM
IB
Pepperstone
Saxo
FBS
EC Markets
FXCM
IB
Pepperstone
Saxo
FBS
EC Markets
FXCM
IB
Pepperstone
Saxo
FBS
EC Markets
FXCM
IB
Pepperstone
Saxo