简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สกุลเงินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำผลงานได้ดี หลังเฟดผ่อนคลายนโยบาย
สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันศุกร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด19 ที่แย่ลงในจีนได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น แม้ว่าสกุลเงินในภูมิภาคหลายสกุลจะยังคงแข็งค่าขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยขนาดเล็กของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์
สกุลเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำผลงานได้ดีกว่าสกุลเงินอื่น ๆ ในวงกว้างในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความคาดหวังของเฟดที่จะผ่อนคลายลงทำให้เห็นนักลงทุนซ้อนซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงสูง เปโซฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.8% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เงินบาทเพิ่มขึ้น 0.7%
เงินหยวนจีนลดลง 0.1% และเป็นหนึ่งในสกุลเงินเอเชียที่ทำผลงานแย่ที่สุดในสัปดาห์นี้ โดยลดลง 0.6% เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียกำลังเผชิญกับตัวเลขผู้ป่วยโควิด19 รายวันที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ทางการต้องบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในเมืองใหญ่หลายแห่ง และยังจุดชนวนความไม่สงบใน “iPhone City” เมืองเจิ้งโจว
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้สกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ดัชนีดอลลาร์ ลดลง 0.2% ในการซื้อขายช่วงวันหยุดเทศกาล ขณะที่ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ประมาณ 105.750 แต่ค่าเงินดอลลาร์ถูกกำหนดให้สูญเสีย 1% ในสัปดาห์นี้หลังจาก บันทึก ของการประชุมเดือนพฤศจิกายนของเฟดระบุว่าธนาคารกลางกำลังพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ขนาดเล็กลงนั้นเป็นผลบวกต่อสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากทำให้ธนาคารกลางในภูมิภาคมีพื้นที่มากขึ้นในการกระชับนโยบายและสอดคล้องกับเฟด แต่ตลาดยังคงไม่แน่นอนเมื่ออัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะขึ้นอีกสู่จุดสูงสุด
ค่าเงินเยนร่วงลง 0.1% เมื่อวันศุกร์ หลังจากข้อมูลพบว่า อัตราเงินเฟ้อในโตเกียวแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ประเทศได้รับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากขึ้น แต่เงินเยนถูกตั้งค่าให้ปรับขึ้นมากกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัญญาณที่ผ่อนคลายจากเฟดช่วยให้ค่าเงินฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ
ที่มา : Investing.com
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
STARTRADER
XM
EC Markets
GTCFX
Pepperstone
Neex
STARTRADER
XM
EC Markets
GTCFX
Pepperstone
Neex
STARTRADER
XM
EC Markets
GTCFX
Pepperstone
Neex
STARTRADER
XM
EC Markets
GTCFX
Pepperstone
Neex